วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Honda Civic Hybrid



ในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่ได้รับการพูดถึงในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั้น คงไม่มีรถรุ่นไหนที่จะท็อปฮิตไปมากกว่าค่ายรถยนต์จากค่าย รถยนต์ Honda Civic  ที่ เห็นได้จากยอดขายทั้งมือ 1 และ Honda civic มือสอง  ล่าสุด รถรุ่นนี้ในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ไฮบริด ก็เพิ่งจะออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในนาม Honda civic Hybrid
                เมื่อกลางปีที่แล้ว ค่ายรถยนต์  Honda  ได้เปิดตัว Honda Jazz Hybrid  ออกสู่ตลาดรถยนต์ ชิงเค้กในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดที่ทวีความนิยมมากขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมันที่แพง และ ช่วงปีที่ผ่านมา กระแสตอบรับก็ทำได้ดีเกินคาดว่าที่คิดพอสมควร
ผ่านมาเกือบปี  Honda  ก็ตัดสินใจในการที่จะนำรถยนต์คอมแพ็คซีดานในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ไฮบริดออก สู่ตลาด เพื่อสนองตอบกลุ่มลูกค้าที่อาจจะไม่ได้ต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็ก แต่ต้องการเพียงเครื่องยนต์ไฮบริดที่สามารถตอบโจทย์ ต่อการขับขี่และความประหยัด เช่นเดียวกับฟังชั่นการใช้งานและความดูดีลงตัวของรถสอดคล้องระหว่างกัน

                                                                                
                ภายนอก Honda civic Hybrid  ใหม่ มาพร้อมเรือนร่างสไตล์ซีดานหรู ที่มีการปรับเปลี่ยนจากเวอร์ชั่นธรรมดาไปพอสมควร ด้วยการออกแบบที่แปรเปลี่ยนเส้นสายจากออกแนวสปอร์ต ไปสู่ความทันสมัยมีการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้มีความสอดคล้อง ระหว่างกัน โดยเริ่มตั้งแต่กระจังหน้า ที่นำเอาสไตล์สามมิติเข้ามาผนวกกับการออกแบบให้เป็นโครเมี่ยม ที่ทำให้รถมีความแตกต่าง
     เรือนร่างที่ลงตัวอยู่แล้วมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของบั้นท้ายที่มาพร้อมไฟ ท้ายเลนใส ผนวกความดูดีทันสมัยมากับไฟท้าย LED  และท้ายที่สุดจัดความลงตัวมากับล้ออัลลอยขอบ 15  นิ้ว ลายใหม่ที่ใหม่ให้ทั้งหลักอากาศพลศาสตร์และยังออกแบบให้มีน้ำหนักเบา สนองตอบการใช้งานด้วยยางขนาด 195/65/15
                ในห้องโดยสารผสานการทำงานอย่างลงตัวเพิ่มพูนในความทันสมัยของตัวรถขึ้นมา ด้วย การรับออพชั่นเพิ่มขึ้น เริ่มจากการคงเอกลักษณ์หน้าปัดแบบ  2  ชั้นที่ใช้มาอย่างยาวนาน พร้อมจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ i-MID  ที่ยังสามารถแสดงผลลงตัวใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งสามารถแดงผลการทำงานของระบบไฮบริดได้ด้วย ถือเป็นออพชั่นที่มีใน Honda Cนอกจากนี้ยังมีการเสริมเติมแต่งออพชั่นเพิ่มขึ้นจากรุ่นธรรมดา ด้วยระบบปุ่ม Push start  ที่มากับระบบกุญแจ  Honda Smart Key System ที่ควบคุมการเปิด-ปิดประตู อัจฉริยะ ส่วนการโดยสารยังคงคุณภาพของฮอนด้า ซีวิคเอาไว้ได้อย่างดีเลิศ ในฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด
                เมื่อพูดถึงรถไฮบริด สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ไม่น่าจะพ้นเครื่องยนต์อันชาญฉลาด ที่ผสานการทำงานเข้ากับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า โดย ฮอนด้า ซีวิคไฮบริดใหม่ มาพร้อมกับเครื่อง ivtec  ขนาด  1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด  91  แรงม้า ที่  5,500  รอบต่อนาที  และให้แรงบิดสูงสุด 132 นิวตันเมตร ที่ 2800 รอบต่อนาที จับคู่มากับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด  17.2 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากำลังเครื่องยนต์  23  แรงม้า สนองตอบกำลังที่  1,546 - 3,000 รอบต่อนาที  และให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ  106 นิวตันเมตร ที่ 500-1,540  รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง CVT  
             นอกจากนี้เพื่อความประหยัดสูงสุดยังมาพร้อมออพชั่น ช่วยเหลือในการขับขี่ Eco Assisted รวมถึงการให้ความประหยัดสูงสุด Econ Mode   รวมถึง ระบบ  Eco Coaching  และ ระบบทำแต้มเพื่อสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ Eco score โดยยังมีระบบ  Idling Stop  หยุดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถหยุดนิ่ง และยังสามารถแปลงแรงกำลังที่สูญเสียขณะเบรกในการขับขี่มาเป็นไฟฟ้าเพื่อ ชาร์จกลับเข้าสู่แบตเตอร์รี่ ซึ่งเน้นในความประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้อม
                ด้านความปลอดภัย  Honda Civic Hybrid  ใหม่ ก็ไม่ลืมที่จะให้ความมั่นใจมาให้กับระบบความปลอดภัยชั้นนำต่างๆมากมาย ตั้งแต่ระบบเบรก  ABS  ป้องกันล้อล็อค พร้อมกระจายแรงเบรกด้วยระบบเบรก  EBD รวมถึงการควบคุมการทรงตัวด้วยระบบ  VSA  ทั้งยังมีฟังชั่นช่วยออกตัวในทางลาดชัน HSA  
                ไม่เพียงเท่านี้หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันก็ยังมั่นใจได้กับถึงลมนิรภัยคู่หน้า ที่มาพร้อมกับระบบถุงลมนิรภัยทางด้านข้างอัจฉริยะ ช่วยปกป้องผู้โดยสารทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย 3 จุด 2 ตำแหน่งทางด้านหน้าที่สามารถปรับสูงต่ำได้ ทางด้านหน้า และ 3  จุด สามตำแหน่งทางเบาะหลัง
            ทั้งนี้  ฮอนด้า ซีวิคไฮบริดใหม่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ โดยมี 2 รุ่นตอบโจทย์ความต้องการได้แก่  Honda Civic Hybrid ราคา 1,035,000 บาท และรุ่น Honda Civic Hybrid Navi ราคา 1,095,000 บาท โดย มีให้เลือก 3 สี คือ สีขาวออร์คิด (มุก - เพิ่มเงิน 10,000 บาท) สีขาวฟรอสตี้ (เมทัลลิก) และสีเงินอลาบาสเตอร์  (เมทัลลิก) สำหรับสีภายในเป็นสีเทาทั้งสองรุ่น

ราคาจำหน่ายรถใหม่ Honda Civic Hybrid

Honda Civic Hybrid ราคา 1,035,000 บาท
Honda Civic Hybrid Navi ราคา 1,095,000 บาท

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อรถยนต์

ในบัจจุบันที่การคมนาคมทาง รถยนต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด   ทำให้ไม่
แปลกที่หลายๆคนอาจจะกำลังอยากมี
รถยนต์เป็นของตัวเองสักคันเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางไปไหนมาไหน   ในการที่คุณจะเลือกรถยนต์คู่ใจสักคันนั้น
ก่อนอื่นคุณต้องรู้จุดประสงค์ในการใช้งานก่อนว่าเป็นแบบไหน   เช่นไว้บรรทุกของหนัก  ไว้โดยสาร  ไว้ขนส่งสิ่งของ  เพราะหาก
ไม่รู้จุดประสงค์หลักของการใช้งานแล้ว  ย่อมจะเกิดความสิ้นเปลืองขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะสิ้นเปลืองเวลา สิ้นเปลืองน้ำมัน             ฯลฯ 



เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าวัตถุประสงค์การใช้งานของคุณคืออะไร  สิ่งต่อมาที่ต้องตัดสินใจก็คือ เรื่องของงบประมาณ
ว่าคุณมางบอยู่เท่าไหร่  การที่เลือกซื้อรถที่ไม่เกินความสามารถของเรามากนัก  จะทำให้ไม่มีปัญหาหนักใจเรื่องการผ่อนชำระใน
ภายหลัง  หากคิดคำนวนดูแล้วงบที่คุณมีไม่เพียงพอก็ควรหาวิธีอื่นๆดู เช่น  ลองมองดูรถมือสองสภาพดีๆสักคัน  ที่เหมาะกับจุดประสงค์ของการใช้งานของคุณ  เพราะภาระที่คุณต้องแบกรับเมื่อมีรถนั้นย่อมใหญ่พอๆกับขนาดของมันแน่นอน  

เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นคนนึงที่กำลังมองหารถเป็นเจ้าของสักคัน  ผมขอให้คิดทบทวนให้ดี  คิดให้ถึงกระทั่งที่จอดรถ
คิดให้ถึงกระทั่งค่าน้ำมันที่มีแต่จะเพิ่งเอาๆไม่มีท่าทีจะลดลงเลยแม้แต่นิเดียว  เมื่อไตร่ตรองดูดีแล้ว ผมก็ขอให้คุณได้เจอรถดีๆสักคัน ที่จะคู่ใจคุณไปตลอดครับผม




วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เกมส์กับเศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกันอย่างไร



           การประกอบอาชีพนั้นแน่นอนว่ามีอยู่หลากหลายอาชีพตามความถนัดของแต่ละคน แต่เมื่อนำทุกสายอาชีพมาคิดรวมๆ กัน มันแทบจะมีแค่อย่างเดียวก็คือเรื่องของ "การซื้อขาย" ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบสินค้าหรือบริการ 

          เกม MMORPG แทบทุกเกมในปัจจุบันมักจะต้องมีระบบการซื้อขายอยู่เป็นหลัก เพื่อทำให้ผู้เล่นได้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนไอเทมกันในเกมได้ ไม่ว่าจะ เกมรถแข่ง เกมต่อสู้ ในส่วนนี้นี่เองเป็นจุดที่ทำให้ผู้เล่นได้รู้จักการซื้อขาย รวมไปถึงเทคนิกการเจรจาต่อรองลดแลกแจกแถม ซึ่งนี่คือทักษะการขายของที่ผู้เล่นสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ทำให้สามารถจดจำได้มากกว่าอ่านตำราเรียนอย่างเดียวเสียอีก ผู้เขียนมองว่าการจะทำการซื้อขายสินค้านั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ติดตัวมา ตั้งแต่ออกมาจากครรภ์มารดา จำเป็นต้องทำการฝึกฝน ซึ่งเกมก็เหมือนกับเป็นแบบฝึกหัดในการพัฒนาความสามารถในด้านนี้
           ถ้าพูดในแง่ของเศรษฐศาสตร์แล้วจะพบว่าโลกแห่งเกมกับโลกแห่งความเป็นจริง นั้นแทบไม่ต่างกันเลย แทบทุกคนต้องดิ้นรนเพื่อที่ให้ตัวเองรํ่ารวยมีเงินมีทองถึงแม้ว่ามันจะซื้อ ไม่ได้ทุกสิ่งก็ตาม ผู้เล่นต้องแสวงหาช่องทางและวิธีการเพื่อที่จะทำให้ได้กำไรจากการซื้อขายให้ มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจตลาดตามหลักเศรษฐศาสตร์ในแง่ของอุปสงค์และอุปทานว่า ช่วงนี้คนมีความต้องการสินค้าอะไรและเราควรจะขายอะไร เช่นการขายของในช่วงที่ความต้องการสินค้ามากก็จะทำให้ขายได้ราคา รวมไปถึงเทคนิกการกว้านซื้อและกักตุนสินค้าในช่วงที่ความต้องการตํ่า เพื่อนำไปขายเก็งกำไรในช่วงที่มีความต้องการสูง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้เล่นสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งตำรา เรียนแต่อย่างใด ซึ่งมีประโยชน์มากในการทำธุรกิจค้าขายหรือว่าการทำงานในตำแหน่งการตลาด

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

นิทานจรรโลงใจ : รถของเล่นของโจ


เด็กๆมี  รถ ของเล่นไหมจ๊ะ ถ้าวันหนึ่งมันเกิดหายไปล่ะ เด็กๆจะทำอย่างไร ลองมาดูซิว่าเด็กชายโจในนิทานเรื่องนี้จะทำอย่างไร

             
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งชื่อโจ โจอายุ 4 ขวบแล้ว โจมีของเล่นมากมาย แต่ของเล่นที่โจโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ รถกระบะ ลากสีเหลืองสดใสทำจากไม้ ที่พ่อเป็นคนทำให้เขาเอง
โจ มักจะเอาหินหลายๆ ก้อน หรือกองฟางมาใส่ในรถลากของเขา แล้วเล่นสมมุติเป็นคนขับรถบรรทุก บางทีก็เอาของเล่นเยอะแยะ มาบรรทุกใส่ในรถลาก แล้วก็ลากรถไปไหนมาไหนด้วย แต่ที่สนุกที่สุดก็คือ โจจะลงไปนั่งในรถลากนั้นแล้วให้พี่เจมส์ลากรถไป ชนโน่นบ้างนี่บ้าง แต่โจก็สนุกสนานมาก

    
เช้าวันหนึ่ง โจออกมานอกบ้านเพื่อเล่นรถลากของเขาเช่นเคย โจเดินไปที่โรงรถของพ่อ แต่...ไม่เห็นมีรถลากของโจเลย! รถลากของโจหายไปไหน...

โจรีบวิ่งไป ที่โรงเลี้ยงม้าของพ่อ เพราะบางทีพ่อจะเก็บเครื่องไม้ เครื่องมือต่าง ๆ ไว้ที่นั่น แต่หาจนทั่ว ก็ไม่มีร่องรอยรถลากสีเหลืองของโจเลย โจพบม้าท่าทางใจดีตัวหนึ่ง โจจึงเอ่ยปากถามม้าว่า พี่ม้าใจดีฮะ เห็นรถลากสีเหลืองของผมบ้างหรือเปล่าฮะม้าตัวนั้นหันมามองโจ แต่ก็ไม่ตอบอะไรแล้วเดินจากไป

     
โจจึงเดินต่อไปจนถึงทุ่งเลี้ยงวัว ไม่มีวัวอยู่เลยสักตัวเดียว พวกคนงานคงจะต้อนวัวไปรีดนมในโรงวัวอยู่ โจกวาดสายตาไปทั่ว ก็ไม่พบรถลากสีเหลืองของเขาเลย

         
โจเริ่มใจไม่ดี แล้ว เขารู้สึกคิดถึงรถลากสีเหลืองเหลือเกิน โจจึงพยายามเดินหาต่อไปจนพบ..แมวน้อยตัวหนึ่งกำลังนอนหลับสบาย โจเข้าไปใกล้ๆแล้วถามอย่างเกรงใจว่า น้องแมวจ๋า เห็นรถลากสีเหลืองของพี่โจบ้างไหมจ๊ะแต่แมวน้อยกำลังหลับสบาย มันจึงไม่ได้ยินเสียงโจเลย มันยังคงนอนหลับ และ กรนคร่อกฟี้อย่างสบายใจ

            
โจ เริ่มน้ำตาคลอแล้ว เขาค่อยๆเดินต่อไปจนถึงเล้าไก่ มีแม่ไก่หลายตัวกำลังกกไข่อยู่ โจมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นรถลากสีเหลืองอยู่ดี เขาจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาแม่ไก่ตัวหนึ่งแล้วถามว่า แม่ไก่แสนสวยครับ เห็นรถลากสีเหลืองของผมบ้างไหมครับแต่แม่ไก่กำลังง่วนอยู่กับการกกไข่ จึงไม่สนใจโจเลย มันได้แต่ส่งเสียง กุ๊ก กุ๊ก กุ๊กเท่านั้นเอง

           
โจ เดินร้องไห้กระซิกๆไปจนถึงสวน เขายังไม่ละความพยายาม ในการตามหา รถลากสีเหลืองของเขา แต่ก็ไม่มีร่องรอยเลยสักนิด โจจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึง ทุ่งข้าวโพด มีแต่ต้นข้าวโพดสูงท่วมหัวเต็มไปหมด มองไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นโรงรถของพ่อ ไม่เห็นโรงเลี้ยงม้า ไม่เห็นสวน ไม่เห็นเล้าไก่ ที่สำคัญ ไม่เห็นรถลากสีเหลืองคันโปรดของโจด้วย ไม่เห็นอะไรเลยนอกจาก ข้าวโพด ข้าวโพด แล้วก็ข้าวโพด โจเหนื่อย หิวข้าว หิวน้ำ แล้วก็คิดถึงพ่อ แม่ และ พี่เจมส์ ที่สุด โจร้องไห้ดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้นทุกที

             
ทัน ใดนั้น โจก็ได้ยินเสียงแม่เรียก โจ! โจ! อยู่ไหนลูกโจดีใจมาก เขาพยายามรวบรวมพลังเสียง แล้วตะโกนกลับว่า อยู่นี่ฮะแม่ ที่ที่มีแต่ข้าวโพดเต็มไปหมดเลยสักครู่เดียว แม่ก็เดินมาหาโจมาทำอะไรอยู่แถวนี้ล่ะลูก แม่คิดถึงแล้วก็เป็นห่วงแทบแย่โจตอบแม่ว่าผมก็คิดถึงแม่ฮะ แต่ผมก็คิดถึงรถลากสีเหลืองของผมเหมือนกันว่าแล้วน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูอีก

โถ! ลูก คนดีของแม่แม่พยายามปลอบไป ไปดูอะไรกับแม่ดีกว่าแล้วแม่ก็จูงโจผ่านเล้าไก่ ผ่านทุ่งเลี้ยงวัว ผ่านโรงเลี้ยงม้า ไปยังห้องเก็บของ ซึ่งพ่อใช้เก็บเครื่องมือ และ ของใช้อื่นๆ

นั่นไง! รถลากสีเหลืองของผมโจดีใจที่สุด เมื่อเห็นรถคันโปรดของตัวเอง อยู่ตรงกลางของห้อง อยู่ตรงนี้เอง โธ่! หาตั้งนานพูดแล้วโจ ก็รีบวิ่ง ไปที่รถลากสีเหลืองของเขา

กองฟางที่โจบรรทุกไว้ยังคงอยู่ แต่ไม่ได้มีแค่นั้น... ตรงกลางกองฟางนั้น มีแม่แมวตัวหนึ่งกับลูกแมวตัวเล็กๆน่ารักอีก 5 ตัว กำลังนอนซุกตัว อย่างอบอุ่น และ มีความสุขที่สุด

                 
โจเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงนี้เอง ตรงที่เราสามารถ เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อความสุขของคนอื่น และ ยิ่งอิ่มเอมใจ ที่ได้เห็นคนอื่นๆมีความสุขยิ่งกว่าเรา

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ฮุนได กับกลยุทธ์ “เอเวอรี่แวร์”บุกตลาดรถเมืองไทย



                   หลังจากตัวแทนทำ ตลาดรถยนต์ ฮุนไดในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องเลิกไป บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จากเกาหลีใต้ จึงนำแบรนด์รถยนต์ฮุนไดกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเอง เมื่อปลายปี 2550 ยอดจำหน่ายของ รถยนต์ฮุนไดพัฒนาขึ้นตามลำดับ
ปีนี้ถือว่า บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จึงคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นสู่ปีที่ 6 อย่างมั่นใจด้วยยอด จำหน่ายรถยนต์ฮุนไดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์เน้นคุณภาพในทุกขั้นตอน
                โยชิอากิ อิชิมูระ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าให้ฟังว่า "การดำเนินการตามแนวทางการตลาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ทำให้รถยนต์ฮุนไดเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ในปี 2555 ฮุนไดได้เดินตามแผนพัฒนาแบรนด์ด้วยนโยบายการสร้างความประทับใจ AAA หรือทริปเปิล เอ (Triple A) ประกอบไปด้วยคำว่า แอสชัวแรนซ์ (Assurance) หรือรับประกันความมั่นใจ แอคเคาน์ทะบิลิตี้ (Accountability) หรือมุ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และแอสไปเรชั่น (Aspiration) หรือก้าวไปข้างหน้าอย่างมีแรงบันดาลใจ

              "เมื่อประกอบกับการเปิดตัวรถ ยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดอีก 2 รุ่น ได้แก่ เอแลนทรา (Elantra) ยิ่งทำให้รถยนต์ฮุนไดสามารถเข้าถึงผู้ใช้รถยนต์ได้ในระดับต่างๆ อีกมากขึ้น พิสูจน์ได้จากยอดจำหน่ายที่ทะลุ 5,000 คัน ทำให้ตลาดรถยนต์ฮุนไดในประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับรถยนต์ฮุนไดในตลาด โลก"

               อิชิมูระยังบอกอีกว่า "อัตราความพึงพอใจของลูกค้าในปี 2555 ปรับตัวสูงขึ้น ไปพร้อมๆ กับยอดจำหน่ายรถยนต์โดยรวม ทำให้ในปัจจุบันมีรถยนต์ฮุนไดในท้องถนนเมืองไทยกว่า 15,000 คัน เป็นอีกปีที่ ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) สร้างการรับรู้และการยอมรับในรถยนต์รุ่นหลักๆ รวมไปถึงรถยนต์ในกลุ่มใหม่ อย่างเอแลนทรา"

              ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2555 ที่ส่งมอบไปยังโชว์รูมต่างๆ มีรายละเอียดแยกตามรุ่น ได้แก่ เอช-วัน (H-1) มียอดจำหน่าย 3,467 คัน แกรนด์ สตาเร็กซ์ (Grand Starex) 820 คัน ทูซอน (Tucson) 381 คัน โซนาต้า สปอร์ต 121 คัน เอแลนทรา 205 คัน และ H100 16 คัน

                    สำหรับนโยบายปี 2556 จะเป็นปีที่ฮุนไดเน้นยกระดับความพึงพอใจ และความมั่นใจให้ลูกค้า ผ่านนโยบายพัฒนาคุณภาพในหลายๆ ส่วน เพื่อให้ความนิยมในรถยนต์ฮุนไดแพร่หลายออกไปเพิ่มมากยิ่งขึ้น ตามคอนเซ็ปต์
ฮุนได เอเวอรี่แวร์ (Hyundai Everywhere) โดยโฟกัสให้เห็นว่า ในวันนี้ผู้ใช้รถยนต์ในเมืองไทยจะเห็นรถยนต์ฮุนไดรุ่นต่างๆ บนท้องถนนมากขึ้น จนแทบจะเรียกได้ว่าในทุกๆ ที่ที่ไปจะต้องได้พบกับรถยนต์ฮุนได

            คุณภาพ หรือควอลิตี้ (Quality) จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน และมั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญทำให้ยอดจำหน่ายของรถยนต์ฮุนไดในปี 2556 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องให้สมกับเป้าหมาย Hyundai Everywhere ที่กำหนดเอาไว้ และยังเป็นประเด็นหลักในการสร้างแบรนด์ช่วยให้ฮุนไดประสบความสำเร็จมาแล้ว ทั้งในยุโรปและอเมริกา จนเป็นที่ยอมรับไม่แพ้รถยนต์จากฝั่งตะวันตก และเอเชีย โดยการพัฒนาการคุณภาพคือ โรดแมป ชัดเจนในการนำแบรนด์ฮุนไดให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้ใช้รถยนต์ระดับ พรีเมียมที่ต้องการ
เอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) นำนโยบายหลักของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ คอมปานี ว่าด้วยการยกระดับคุณภาพเพื่อเร่งยกระดับความพึงพอใจให้แก่ลูกค้ามากขึ้นใน ปี 2013 โดยนโยบายดังกล่าวมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้

1.นำเสนอรถยนต์ ในขั้นตอนการจำหน่าย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุดไปใช้งานอย่างพึงพอ ใจ พร้อมข้อมูลจำเป็นต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถจะเพิ่มประโยชน์ในการใช้งานจริง

2.เลือก สรรรถยนต์ที่มีสมรรถนะ และศักยภาพสูงมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถ เพื่อรองรับความหลากหลายของรสนิยมการใช้รถยนต์ เพราะฮุนไดต้องการเติมเต็มตลาดมากกว่าการแข่งขัน

3.มุ่งยกระดับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถยนต์ฮุนได ให้เป็นที่ประทับใจมากขึ้น เพราะผู้ใช้รถยนต์ฮุนไดทุกคนคือลูกค้า VIP ของเรา

4.เน้นสร้างความพึงพอใจให้กับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถยนต์ฮุนไดมากขึ้น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า

5.มุ่ง เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมผ่านกิจกรรม CSR ที่มีประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ "เมาไม่ขับ...คุณทำได้" เพราะวันนี้รถยนต์ฮุนไดคือส่วนหนึ่งของสังคมไทย