วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความเป็นมาของ BMW


                
                    บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า รถยนต์ ยี่ห้อ BMW มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมันหลายคนคิดว่าโลโก้ของ BMW มาจากใบพัดสีขาวหมุนเห็นพื้นหลังของสีฟ้าที่ นี้อาจจะให้ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นที่รู้จักกันว่ายังมาจากธงสีขาวและสีฟ้าของบาวา เรีย  รัฐใหญ่ที่สุดของเยอรมนี เมืองหลวงของรัฐคือมิวนิค และเป็นสถานที่ ที่แม้วันนี้เราสามารถหาสำนักงานใหญ่ BMW ได้หลายที่ก็ตาม

                  คำว่า บีเอ็มดับบลิว หรือที่มีชื่อเต็มในภาษาเยอรมันว่า BAUERISCHE  MOTORENWERKE (บาเยริสเชโมโทเรน เวร์เค) เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอันทรงคุณภาพและเชื่อถือได้ในความประณีตพิถีพิถัน สัญลักษณ์ของบีเอ็มดับบลิวดังที่เห็นในภาพ มีลักษณะเป็นวงแหวนสีดำพร้อมตัวอักษรบีเอ็มดับบลิว-สีขาว ล้อมรอบพื้นที่วงกลมซึ่งแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเป็นสีขาวสองส่วนและสีฟ้าสองส่วน ที่มาของสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้คือลักษณะการหมุนของใบพัดเครื่องบิน เนื่องจากก่อนที่จะมาเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์ (บางคนยังไม่รู้ว่าเขาก็ผลิตรถจักรยานยนต์ด้วย) บีเอ็มดับบลิว เคยเป็นผู้ผลิตเครื่องบินมาก่อน ส่วนสีฟ้าและสีขาวที่ใช้ ก็เป็นสีประจำแคว้นบาวาเรียอันเป็นที่ตั้งของบริษัทนั่นเอง ประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับบลิวเริ่มต้นในปี 1916 เมื่อวิศวกรเครื่องกลชาวเยอรมันสองคนคือ คาร์ล -แรพพ์ (CARL RAPP) และอีกคนซื่อ แมกซ์ฟริซ (MAX FRIZ) ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทสร้างเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินขึ้นในเยอรมนี โดยตั้งชื่อบริษัทว่า BAYERISCHE FLUGZKUGWERKEAG อย่างไรก็ตาม เพียงสองปีหลังจากนั้นคือในปี 1918 บริษัทดังกล่าวก็เปลี่ยนชื่อกิจการเป็น BAYERISCHE MOTOREN WERKEAG อันเป็นชื่อที่ไช้ตราบจนปัจจุบัน และเป็นที่มาของ BMW กิจการของบีเอ็มดับบลิวเจริญเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

                รถบางยี่ห้ออาจจะมีราคาแพงแต่ในราคาที่แพงนั้นก็เติมไปด้วยคุณภาพและความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุดีกว่ารถตลาดทั่วไปเพราะมีโครงสร้างที่แข็งแรงและนวัตกรรมที่ทันสมัยถึงจะมีราคาที่แพงแต่ก็ยอมควักกระเป๋าเพราะมั่นใจในคุณภาพ

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รถใหม่กับสิ่งที่ควรรู้



                เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รถใหม่ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ในยุคปัจจุบันปรียบเทียบได้เหมือนกับว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ก็ไม่ผิด การเดินทางส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่ว่าจะประเทศไหนในโลก จะใช้ รถยนต์ มากกว่าการเดินทางโดยพาหนะประเภทอื่น และที่มากไปกว่านั้นก็คือมนุษย์ก็มีความต้องการที่สะดวกสบายด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น การที่จะเสาะหารถยนต์มาเพื่อการใช้งานสักคันหนึ่งนั้น  ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาของมนุษย์ 
             

                โอกาสของทุกๆ คนที่จะมีรถยนต์ไว้ใช้หรือสิ่งของอย่างอื่นนั้น มันไม่ยากหากมีเงิน” ( มักพูดกัน ) แต่สำหรับคนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยก็ต้องมีการพิจารณาให้ดีและถี่ถ้วนว่า  เหมาะสมกับตนเองมากน้อยแค่ไหนเป็นต้นว่า ราคาของรถยนต์, การใช้งานที่คุ้มค่า, ภูมิประเทศเป็นอย่างไร  และอื่นๆ
                หากมีการตัดสินใจซื้อมาแล้วนั้น  ก็จะต้องเอาใจใส่ในรถยนต์ของตนเองแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นอยากจะบอกว่ารถยนต์สมัยใหม่นั้นมีเทคโนโลยี่ที่สูงมากบวกกับท่านเจ้าของรถยนต์ที่เป็นมือใหม่ (ขออนุญาตนะ ค่ะ)  อาจจะมีความเข้าใจที่ไม่มากนัก สิ่งที่กระทำได้หากมีรถยนต์อยู่ในความครอบครองแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ, การดูดฝุ่น, การเคลือบเงา  คงจะทำกันได้แน่ๆ  แต่ถ้าเป็นการบำรุงรักษารวมถึงการตรวจเช็คนั้นคงเป็นไปได้ยาก เรียกได้ว่าต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้โดยเฉพาะ   ดังนั้นในการนี้เพื่อให้นักขับมือใหม่ได้สังเกตเบื้องต้นในรถยนต์ของตนเอง  พอที่จะสรุปเป็นภาพรวมอย่างง่ายๆได้ดังต่อไปนี้
                ขณะยังไม่มีการขับขี่หรือจอดอยู่กับที่และไม่มีการติดเครื่องยนต์ ให้สังเกตบริเวณใต้ท้องของรถยนต์ว่า  มีอะไรติดอยู่ใต้ท้องรถยนต์หรือไม่, ใต้ท้องรถเหมือนกับตอนที่ยังเป็นรถใหม่อยู่หรือไม่, จากนั้นให้มองไปยังที่พื้นที่จอดรถยนต์อยู่ว่า  มีสิ่งใดมาอยู่ตรงบริเวณนั้นหรือหยดตรงบริเวณนั้นหรือไม่ 
                 อันดับต่อไปในขณะทำการติดเครื่องยนต์และเครื่องยนต์ติดแล้ว ให้สังเกตไฟโชว์ต่างๆ บนมาตรวัดขึ้นมาครบทุกดวงหรือไม่  และจะต้องดับลงเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว  เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วสังเกตเสียงดังที่มาจากเครื่องยนต์รวมถึงการเปิด ระบบปรับอากาศด้วยว่า  เสียงที่ได้ยินเหมือนกับที่ตอนเป็นรถใหม่หรือไม่
             อันดับต่อไปจังหวะของการเคลื่อนตัวของรถยนต์ออกจากจุดหยุดนิ่ง ให้สังเกตการบังคับเลี้ยว, การเบรก, เสียงดังและอื่นๆ ในขณะออกตัว ว่าเป็นเหมือนที่ตอนยังเป็นรถใหม่หรือไม่ ( หากมีการใช้งานในระดับหนึ่งแล้วอาจจะไม่เหมือนเดิมเสมอไป ) ตรงจุดนี้อาจยกเว้น
                อันดับต่อไปในขณะทำการขับขี่ ให้สังเกตเหมือนกับการออกตัวค่ะ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งคือ  ไฟโชว์บนมาตรวัดตลอดจนเกจวัดต่างๆ ว่ามีการแสดงที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่  เพราะถ้าไม่เหมือนเดิมแสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน
                อันดับสุดท้ายหลังจากใช้งานมาจนถึงการดับเครื่องยนต์ ให้สังเกตตั้งแต่รถยนต์จอดสนิทแล้วทำการดับเครื่องยนต์ ว่าผิดกับตอนที่เป็นรถใหม่หรือไม่อย่างไร  ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเสียงและในรูปแบบของการสันสะเทือน
                ตามที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นนั้น  จะเน้นย้ำให้กับนักขับที่มือใหม่  ซึ่งอาจจะยังไม่มีความเคยชินกับตัวรถยนต์มากนัก  จะเห็นได้ว่านอกจากจะมีการสังเกตที่ดีแล้ว  ยังสามารถที่จะอธิบายสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ได้ในระดับที่ น่าพอใจทีเดียว  การสังเกตดังกล่าวก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก  แล้วยิ่งรถยนต์สำหรับนักขับมือใหม่นั้น  ยังอยู่ในระยะรับประกันยิ่งจะต้องชี้แจงปัญหาให้ตรงจุด  เพื่อการวิเคราะห์ของศูนย์บริการที่ถูกต้องชัดเจนนั่นเองค่ะ