วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จำเป็นแค่ไหนที่ต้องตรวจภายใน


จำเป็นขนาดไหน? คำถามคาใจของใครหลายคน การตรวจภายในแท้จริงแล้ว คือ การตรวจอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ในสตรี โดย "ตรวจทางช่องคลอด" เพื่อหาความผิดปกติ อาทิ การติดเชื้อ เนื้องอก และมะเร็ง


คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเขินอาย หรือไม่ก็กลัวไปเลย ยิ่งในรายที่ไม่เคยตรวจภายในมาก่อนไม่ต้องพูดถึง แต่ไม่ต้องห่วง เพราะการตรวจแต่ละครั้งสูติแพทย์จะปกปิดคนไข้อย่างมิดชิด เปิดเฉพาะส่วนที่จะตรวจเท่านั้น


รู้จักอวัยวะในระบบสืบพันธุ์สตรี
ประกอบด้วย (จากข้างนอกไปข้างใน)
- อวัยวะเพศภายนอก
- ช่องคลอด
- ปากมดลูก
- มดลูก
- ปีกมดลูก ซึ่งรวมรังไข่ด้วย

ธรรมชาติของการสืบพันธุ์เริ่มจาก รังไข่ของผู้หญิงสร้างไข่ จากนั้นจะเกิดการตกไข่ 1 ฟอง ทุกเดือน ไข่นี้ก็จะเข้ามายังท่อนำไข่แล้วหยุดคอยตัวอสุจิอยู่ตรงนี้ เมื่อมีการร่วมเพศตัวอสุจิหลายสิบล้าน หรือ เป็นร้อยล้านตัวจะถูกปล่อยออกมาตรงบริเวณปากมดลูก ตัวอสุจิจำนวนหนึ่งจะเข้า ปากมดลูก ว่ายน้ำเข้าไปในโพรงมดลูกขึ้นไปยังท่อนำไข่เพื่อหาไข่ซึ่งคอยอสุจิอยู่เพียง ตัวเดียวเท่านั้นที่จะเกิดการปฎิสนธิ เป็นตัวอ่อนเคลื่อนลงมายังโพรงมดลูก เติบโตในโพรงนี่จนครบ 9 เดือนและคลอดมาชมโลกภายนอก


ดังนั้น การตรวจภายใน จึงอาศัยการดูส่วนที่มองเห็น คือ อวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด และปากมดลูก และอาศัยการคลำในส่วนที่มองไม่เห็น คือ มดลูก ปีกมดลูก รวมทั้งรังไข่


เริ่มตรวจ...
คุณสุภาพสตรีจะต้องนอนบนเตียงที่มีขาหยั่ง เพื่อสูติแพทย์จะดูลักษณะทั่วๆ ไป ภายนอกก่อนว่ามีผื่นแผล ติ่งเนื้อ หรือก้อนที่ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นจะถึงขั้นตอนตรวจดูในช่องคลอด ซึ่งจำเป็นต้องสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอดเพื่อถ่างเปิดให้เห็นลักษณะ ภายในช่องคลอดและปากมดลูก และตรวจดูว่าตกขาวมีสี กลิ่น และปริมาณผิดปกติหรือไม่ ส่วนอวัยวะที่อยู่ลึกที่สุดเท่าที่จะเห็นได้อย่างปากมดลูกก็จะได้รับการตรวจ ดูว่ามีแผลอักเสบหรือมีติ่งเนื้อหรือไม่


โดยปกติ สูติแพทย์จะถือโอกาสตรวจมะเร็งปากมดลูกไปพร้อมๆ กัน ซึ่งไม่ยุ่งยากและไม่เจ็บเพราะใช้เครื่องมือป้ายเอาน้ำในช่องคลอด ขูดผิวปากมดลูก และช่องภายในปากมดลูกไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 3 - 7 วัน ก็จะรู้ผล


ส่วนการตรวจอีกขั้นตอน คือ ตรวจโดยคลำผ่านทางช่องคลอด โดยแพทย์จะสอดนิ้วในช่องคลอด ส่วนอีกมือหนึ่งจะกดท้องน้อยเพื่อหาความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ที่เหลือ ซึ่งอยู่ภายในอุ้งเชิงกราน


ตรวจแล้วดีจริงเหรอ
แน่นอน 100 % ยิ่งถ้าคุณสุภาพสตรีมีอายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะ


- ได้ตรวจหามะเร็ง โดย เฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ที่แต่งงานแล้วควรตรวจหามะเร็งทุกปี แต่ในรายที่พบว่ามีการอักเสบเรื้อรังที่ปากมดลูกหรือสงสัยว่าจะมีเซลล์ผิด ปกติเกิดขึ้น และอาจพัฒนาไปสู่เซลล์มะเร็ง สูติแพทย์อาจจะต้องนัดมาตรวจทุก 3 - 6 เดือน แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะปัจจุบัน หากพบว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น สูติแพทย์จะสามารถรักษาให้หายขาดได้


- เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการของโรคทางนรีเวช เช่น มีตกขาวมาก มีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกไม่ตรงกับประจำเดือน มีเลือดประจำเดือนออกนานเกิน 7 วัน คลำได้ก้อนที่อวัยวะเพศ คลำได้ก้อนในท้องน้อย หรือมีแผลที่อวัยวะเพศ


หากสูติแพทย์ซักประวัติเราควรตอบตามจริงเพื่อช่วยในการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง ยิ่งขึ้น เพราะโรคบางอย่างมีอาการของโรคคล้าย ๆ กัน เช่น กรณีที่เลือดออกผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากเยื่อบุมดลูกผิดปกติ เนื้องอกในมดลูก ช่องคลอดอักเสบ ปากมดลูกเป็นมะเร็ง หรือเกิดจาการท้องนอกมดลูก หรือแท้งบุตร ดังนั้นเมื่อสูติแพทย์ขอตรวจภายในก็ควรจะปฏิบัติตาม แม้ว่าจะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน


สตรี ที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วจะไม่เจ็บเมื่อรับการตรวจ แต่สำหรับสตรีที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จะรู้สึกตึงๆ หรือเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ที่แน่ ๆ ขนาดเครื่องมือตรวจจะมีขนาดเล็กกว่าคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วแน่นอน รู้อย่างนี้หายกลัวเจ็บได้เลยค่ะ

เตรียมตัวก่อนตรวจ
1. ถ่ายอุจจาระมาก่อน สำหรับผู้ที่ท้องผูกควรกินยาระบายล่วงหน้า 2 – 3 วัน
2. ไม่ต้องโกนขน เพราะในการวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมบางโรคต้องอาศัยดูจากขนด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เจ็บเมื่อขนขึ้นใหม่
3.ควรสวมกระโปรงเพื่อความสะดวกในการตรวจ


ที่สำคัญต้องเตรียมใจให้พร้อม คิดเสียว่าตรวจเพื่อสุขภาพ เพราะการตรวจภายในจะช่วยให้พบมะเร็งตั้งแต่เนิ่นๆ และรับรองว่าคุณจะหายเป็นปกติแน่นอนค่ะ 

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แก้อาการเป็นตะคริว


สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆ อ่านทางนี้ มีเคล็ดลับวิธีแก้อาการตะคริวแบบง่ายๆ มาบอก...

เริ่มจากการ เป็น ตะคริวที่น่อง ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง  ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้าง ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้าๆ ประมาณ 5 นาที แล้วหาครีมหรือน้ำมันมานวดซ้ำอีกที เพื่อกระตุ้นให้เลือดตรงบริเวณนั้นไหลเวียน

หากเป็น ตะคริวที่ต้นขา ให้ เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง  แล้วใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า  ส่วนอีกข้างกดลงบนหัวเข่า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณที่เป็นตะคริว

หรือเป็น ตะคริวที่นิ้วเท้า ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณ นิ้วเท้าอย่างเบามือ

สุดท้าย ตะคริวที่นิ้วมือ ให้เหยียดนิ้วมือออก แล้วนวดเบาๆบริเวณนิ้วมือที่เป็น

แนะว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆ ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อยทอดผักคะน้า ผักหวาน กระถิน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ลูกพรุน งาดำ และ เต้าหู้ เป็นต้น 

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เรื่องที่อาจธรรมดา ที่แอบแฝงด้วยภัยร้าย


การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน
สิ่งที่คุณคิด : ใช้แปรงสีฟันด้ามเดียวกับแฟน ดูโรแมนติกดีจัง

สิ่งที่ถูกต้อง : แบคทีเรียในช่องปากนั้นสะสมอยู่มากมายในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกัน อาจทำให้ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดเพื่อนหรือแฟนไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปากจะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย

ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
สิ่งที่คุณคิด : หลังเข้าห้องน้ำแล้วควรล้างมือทุกครั้ง แล้วตบท้ายด้วยการเป่ามือให้แห้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้หมดไป

สิ่งที่ถูกต้อง : ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้นควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้งเดียวเท่านั้น

การนั่งบนชักโครกสาธารณะ
สิ่งที่คุณคิด : ดูแล้วฝารองนั่งก็สะอาดดี นั่งไปเลยก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

สิ่งที่ถูกต้อง : เวลาสาวๆนั่งปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะ หรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาดด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่ง ก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน
การกลั้นจาม
สิ่งที่คุณคิด : ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยก็แค่กลั้นจามเท่านั้น ก็การจามดังๆ ดูไม่มีมารยาท แถมยังอาจถูกมองว่าทำตัวสกปรกอีกด้วย

สิ่งที่ถูกต้อง : คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้นการยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ
สิ่งที่คุณคิด : ก็ปวดหัวนี่นา ถ้าไม่กินยาแก้ปวด แล้วจะหายปวดหัวได้อย่างไร

สิ่งที่ถูกต้อง : การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสมและอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะเนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อยเพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปใน ตัว 

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เล็กๆ น้อยๆ เรื่องการนอน

บทสัมภาษณ์ของ Dr. Neil Stanley - ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการนอน ในคอลัมน์ "Take it from an expert" ของ Times Online คิดว่าน่าสนใจดีเพราะส่วนตัวเป็นคนที่นอนดึก(มาก) ตื่นสาย แอบกังวลนิดๆ ว่าจะเป็นอะไรต่อสุขภาพรึเปล่า (โดยเฉพาะเรื่องแก่เร็วนี้วิตกหนักเลยค่ะ) และต่อไปนี้คือความรู้และเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องการนอนที่อาจช่วยให้คุณหลับสบายขึ้น 


1. หลายคนคงคุ้นกับประโยคที่บอกว่า "ควรนอนไม่น้อยกว่า ชั่วโมง" ใช่ไหมค่ะ แต่ ดร. Neil บอกว่าจริงๆ แล้วไม่มีกฎตายตัวว่าต้องนอนนานเท่าไหร่ มันแล้วแต่บุคคล ถ้าอยู่ในระหว่าง 3 - 11 ชั่วโมงถือว่าใช่ได้ไม่ผิดปรกติอะไร ถ้าอีกวันตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นสดใส สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ถือว่าโอเคแล้ว

2. เรื่องเวลานอนที่จริงแล้วไม่ค่อยสำคัญ สิ่งที่ควรสนใจคือ คุณได้ใช้เวลาไปกับการหลับลึกมากแค่ไหนต่างหาก ซึ่งช่วงหลับลึกจะกินเวลาหนึ่งในสามแรกของการนอนและเป็นช่วงที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนมากที่สุดค่ะ มันไม่จริงหรอกค่ะที่นอนตอนสี่ทุ่มจะดีกว่าตอนห้าทุ่ม ข้ออ้างนี้มันสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เอาไว้ใช้ไล่ให้ลูกไปเข้านอน

3. สำหรับเรื่องการนอนไม่หลับ ดร. Neil บอกว่าส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนหลับง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่หลับหรือสะดุ้งตื่นกลางดึก อย่ามั่วแต่นอนพลิกไปพลิกมา ลองหยิบหนังสือที่มีเนื้อหาสบายๆ ไม่เร้าอารมณ์มากมาอ่าน ถ้าร่างกายคุณยังคงต้องการการพักผ่อน มันก็จะง่วงขึ้นมาเอง

4. ดร. Neil กับภรรยาแยกเตียงกันนอน เขาบอกว่า "การนอนเป็นสิ่งเห็นแก่ตัวที่สุดที่คุณสามารถทำได้" ถ้าแยกกันนอนกับคนรักแล้วสบายตัวสบายใจหลับฝันได้ ก็แยกเตียงเถอะ ดีกว่าทนฟังเสียงกรน ดมตด หรือถูกคนรักเตะตลอดทั้งคืน ส่วนใครที่กังวลว่าทำแบบนี้มันจะมีผลกระทบต่อชีวิตคู่รึเปล่า คำตอบคือไม่ค่ะ ... ซึ่ง ดร. Neil กล่าวไว้ว่า "ไม่ได้นอนด้วยกัน ไม่ใช่ปัญหา .... แต่ไม่มีเซ็กซ์กันตั้งหากที่เป็น!"

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ร่างกายของคุณ ปกติดีอยู่ไหม

ประหลาดไหมที่ร่างกายของเรา มีความรู้สึก ลักษณะ รูปร่างท่าทางเหมือนหรือคล้ายคลึงร่างกายของใครๆ หลายคน นี่คือสิ่งแท้จริงเกี่ยวกับร่างกายของคุณสาวๆ มาสำรวจกันสิว่าร่างกายของคุณมาตรฐานหรือเปล่า 

เส้นผม

ค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปคุณสาวๆ จะมีเส้นผมหลุดร่วงหนึ่งร้อยเส้นต่อวัน นี่คืออาการปกติไม่ต้องตกใจ ยิ่งตอนอาบน้ำจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มผมหลุดร่วงจำนวนมากตรงท่อระบายน้ำ การลดน้ำหนักแบบหักโหม การทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ผลข้างเคียงจากยาและการตั้งครรภ์ ล้วนเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงจำนวนมากได้ทั้งนั้น

ขนาดของบรา

โดยเฉลี่ยสาวไทยส่วนใหญ่ (ที่ยังไม่ได้แต่งงานและมีบุตร) สวมบรา คัพ 32 A ถึง 32 B แต่ ในช่วงระยะไม่กี่ปีมานี้ ขนาดบราของสาวส่วนมากขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งถึงสองคัพ ไม่ใช่เพราะอัตราความอ้วนเพิ่มขึ้น แต่สาเหตุมาจากการศัลยกรรมเพิ่มขนาดทรวงอกเป็นที่นิยม

ดวงตา

สองในสามของหญิงสาววัยผู้ใหญ่สวมแว่นสายตา ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน คำแนะนำที่ดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาคือ พักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ 30 วินาที ทุกๆ 15 นาที

ฟัน

หนึ่งในสี่ของผู้หญิงวัย 35 ถึง 44 ปี ละเลยการดูแลสุขภาพฟันและมีฟันผุ เพราะไม่มีอาการปวดจึงคิดว่าสุขภาพฟันยังดีอยู่ การพบทันตแพทย์เป็นประจำจะทำให้คุณรักษาสุขอนามัยปากและฟันได้ดี ก่อนจะเกิดอาการปวดและฟันโยก

อาการปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะหนึ่งถึงสองครั้งในแต่ละเดือนยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการบ่อยกว่านั้นควรพบแพทย์ หลีกเลี่ยงการซื้อยาระงับอาการปวดจากร้านขายยามารับประทานเองเป็นประจำ เพราะอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวบ่อยยิ่งขึ้น

สะโพก

ค่าเฉลี่ยทั่วไปของสะโพกสาวไทยอยู่ที่ประมาณ 35-36 นิ้ว เมื่ออายุมากขึ้นขนาดของสะโพกก็จะใหญ่ขึ้นอย่างน้อยหนึ่งถึงสองนิ้วเป็น เรื่องธรรมดา แต่รู้ไหมว่าการมีต้นขาหรือสะโพกใหญ่นั้นมีภาวะการณ์เสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อย กว่าคนที่ลงพุงอีก

เอว

ปัจจุบันค่าเฉลี่ยรอบเอวของสาววัยรุ่นไทยอยู่ที่ 26-27 นิ้ว รอบเอวที่ขยายใหญ่ขึ้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หนึ่งวิธีที่จะรักษารอบเอวให้เพรียวบางและดีต่อสุขภาพนั่นคือ การออกกำลังกาย

หัวใจ

ค่าเฉลี่ยปกติอัตราการเต้นของหัวใจของสาวๆ อยู่ที่ 60 ถึง 80 ครั้งต่อนาที ลองหาชีพจรของตนเองด้วยการใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะไปบนข้อมือเพื่อจับ จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มที่ 6 วินาทีได้อัตราเท่าไรคูณเข้าไป 10 เท่า จะได้อัตราการเต้นของหัวใจคุณ การเดินเร็วห้าวันต่อสัปดาห์เป็นการออกกำลังที่จะช่วยปรับอัตราการเต้นของ หัวใจให้ปกติสมบูรณ์ดียิ่งขึ้น

พฤติกรรมการออกกำลังกาย

ค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปสาวๆมักใช้การออกกำลังประมาณ 6,623 สเต็ปต่อวัน แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าในวันหนึ่งควรจะได้ถึง 10,000 สเต็ป ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับ 4-5 ไมล์ซึ่งจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 300 แคลอรีทีเดียว อย่างไรก็ตามระหว่างออกกำลังกายคุณต้องรักษาระดับความดันโลหิตให้สม่ำเสมอ อย่าหักโหมเกินกำลัง ใช้การจับเวลาช่วยก็ได้

ส่วนสูงและน้ำหนัก

ปัจจุบันค่าเฉลี่ยส่วนสูงโดยทั่วไปของสาวไทยอยู่ที่ 163 เซนติเมตร และน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 52 กิโลกรัมโดยมีแนวโน้มว่าจะสูงเพิ่มขึ้นกว่าคนรุ่นก่อนอีกประมาณ 4 เซนติเมตรแต่น้ำหนักเฉลี่ยลดลงถึง 3-4 กิโลกรัม เป็นผลพวงจากการลดน้ำหนักแบบผิดวิธีและมีกิจกรรมการบริหารร่างกายน้อยกว่า ที่ควร

การเข้าห้องน้ำ

ในหนึ่งวันผู้หญิงเรามักจะเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะเฉลี่ยราวๆ เจ็ดครั้ง สังเกตดูสิว่าปัสสาวะของคุณสีเหลืองจางๆ หรือใส หากมีสีขุ่นเข้มควรจะดื่มน้ำให้มากกว่าเดิม ถ้าคุณปัสสาวะบ่อยครั้งกว่านั้นและมีอาการแสบร่วมด้วย คุณอาจกำลังมีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพื่อรักษาระบบการทำงานกระเพาะปัสสาวะและมดลูกให้มีสุขภาพดี ควรดื่มน้ำก่อนการมีเซ็กซ์และปัสสาวะหลังจากเสร็จกิจนั้น

เซ็กซ์

คุณคิดถึงเซ็กซ์ทุกวันหรือเปล่า รู้ไหมว่าผู้หญิง 75 เปอร์เซ็นต์ คิดกันนะ เมื่อไรที่คุณคิดว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องสกปรกหรือหมกมุ่นกับมันตลอดเวลานั่น แสดงว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับคุณแล้วล่ะ

วันเศร้าๆ

ผู้หญิงเรามักมีอาการเศร้าซึม เหงาหงอยประมาณสี่วันในหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการผันแปรของฮอร์โมน ค้นหาวิธีแก้ไขหากคุณมีอาการซึมเศร้าติดต่อกันสองสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ลองออกกำลังกายในแบบที่คุณชอบหรือใช้เวลากับเพื่อนคนที่จะไม่ทำให้อารมณ์ของ คุณขุ่นมัวอาจช่วยให้ดีขึ้น

เซลลูไลท์

80 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงมีไขมันส่วนเกินและรอยบุ๋มจากผิวเปลือกส้มบนเรือนร่าง

ระยะไข่ตก

มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงเท่านั้นแหละ ที่มีระยะไข่ตกของรอบประจำเดือนใน 28 วัน ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าที่จริงแล้ววงจรของการตกไข่ในระบบสืบพันธ์สามารถคลาด เคลื่อนได้ภายในระยะ 21 ถึง 35 วัน (นับ จากวันแรกของการมีรอบเดือนจนถึงวันถัดไปหนึ่งวันจากวันสุดท้ายของรอบ เดือน) หากคุณต้องการมีบุตรแต่ไม่มั่นใจเรื่องระยะไข่ตกของคุณว่าสั้นหรือนานเกินไป ลองปรึกษาสูตินารีแพทย์

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

“นมเด้ง” เรื่องที่ควรรู้และต้องระวัง


เต้านม-สิ่งที่บ่งบอกความเป็นเพศหญิง ทุกคนย่อมอยากมีหน้าอกที่สวยได้รูป เมื่ออกย้อย คล้อย เสียรูป เสียทรงจึงเป็นปัญหาหนักอกที่สาวน้อย สาวใหญ่ หวั่นวิตก และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์นมเด้งที่มีอยู่เกลื่อนตลาด

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ดูแลหน้าอกก็มีเรื่องที่ควรรู้และต้องระมัดระวัง
     
รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล แห่งคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า ภายในเต้านมประกอบด้วยส่วนของเนื้อเยื่อสร้างน้ำนมและเนื้อเยื่อไขมันวางอยู่บน กล้ามเนื้อทรวงอก ซึ่งจะทำหน้าที่เหนี่ยวรั้งน้ำหนักของเต้านมไว้ให้ตั้งขึ้นและเต่งตึงเสมือนหนึ่งเป็นเสื้อยกทรงธรรมชาติ
     
แต่เมื่อสรีระของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มีการเพิ่มหรือลดของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว หรือหญิงในวัยใกล้หรือในวัยหมดประจำเดือน เต้านมจะหย่อนยานอย่างชัดเจน กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของผู้หญิงหลายต่อหลายคน
     
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้เต้านมหย่อนยาน รศ.ดร.พิมลพรรณ บอกว่าเกิดจากหลายๆ ปัจจัย คือ มีการลดน้ำหนักตัวอย่างฮวบฮาบ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก รูปร่างอ้วน มักจะมีไขมันสะสมพอกพูนบริเวณเต้านมมาก เมื่อลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบ โดยอาศัยยาลดน้ำหนัก ทำให้ส่วนที่หายไปก่อนคือไขมันส่วนเกินนั่นเอง ผิวหนังภายนอกที่เคยขยายและอุ้มน้ำหนักเต้านมและไขมันส่วนเกินไว้ก่อนหน้านั้นจึงห้อยและหย่อนยานตามสรีระ เนื่องจากกล้ามเนื้อภายในเต้านมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพิ่มเติม

อีกประการหนึ่งคือ หญิงในวัยใกล้และในวัยหมดประจำเดือน เต้านมจะหย่อนยานตามธรรมชาติ เนื่องจากการลดลงของปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือด ฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกผลิตและปลดปล่อยออกจากต่อม เนื้อเยื่อ และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่กระแสเลือดไปยังเนื้อเยื่อและส่วนต่างๆของร่างกายที่มีสถานีรับ ฮอร์โมนชนิดนี้
     
หน้าที่สำคัญของเอสโตรเจนคือควบคุมการเจริญเติบโตของเต้านม รังไข่ ช่องคลอดและการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง นอกจากนั้น ยังมีความสำคัญยิ่งต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อของกระดูก ป้องกันกระดูกพรุนซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเปราะและแตกหักของกระดูก
     
หน้าอกไม่เด้งดังใจ หย่อนยานก่อนวัย ทำอย่างไรดี
     
รศ.ดร.พิมลพรรณ ให้ข้อมูลว่า หากไม่อยากให้นมหย่อนยานก่อนวัย คือ ไม่ควรลดน้ำหนักตัวอย่างฮวบฮาบ ควรจำกัดอาหารไขมันควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การว่ายน้ำ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด วิธีดังกล่าวจะช่วยลดไขมันส่วนเกินพร้อม ๆ กับการกระชับกล้ามเนื้อภายในให้เต่งตึงได้ดี ผิดกับการวิ่งที่กลับจะทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยมากขึ้น
     
สำหรับหญิงวัยทองซึ่งร่างกายมีการผลิตเอสโตรเจนลดน้อยลงตามธรรมชาติ อาจจะเสริมด้วยอาหารที่มี ส่วนผสมของ “ไฟโตเอสโตรเจน” คำว่า “ไฟโต” แปลว่าพืช หมายถึงสารที่มีลักษณะและคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน แม้ว่าจะมีประสิทธิผลต่ำกว่าฮอร์โมนถึง 100 – 1,000 เท่าก็ตาม
     
ทั้งนี้ สารไฟโตเอสโตรเจนจะพบมากในถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง เต้าหู้ และสมุนไพรอื่น ๆ เช่น กาวเครือ เป็นต้น
       
อย่างไรก็ดี จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า การที่ร่างกายได้รับสารไฟโตเอสโตรเจนเข้าไปในร่างกายนั้น มีทั้งข้อดี เช่น สามารถทดแทนฮอร์โมนที่ลดน้อยลงได้และสามารถกระตุ้นให้เต้านมเต่งตึงขึ้น ผิวมีน้ำมีนวลขึ้น อาการหงุดหงิดลดน้อยลง ส่วนข้อเสีย คือ ต้านฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อร่างกายลดลง
     
ส่วนผู้ที่อยู่ในวัยเด็ก หรือวัยรุ่น(วัยเจริญพันธุ์) ไม่สมควรจะรับประทานอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนมากเกินไป หรือไม่ควรหาซื้อผลิตภัณฑ์นมเด้งที่มีส่วนผสมของไฟโตเอสโตรเจนมาทาถูนวดที่เต้านม เพราะจะให้ผลในทางตรมกันข้าม ทั้งนี้ หญิงในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตรก็ไม่ควรรับประทานหรือทาถูเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฟโตเอสโตเจน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาโรคทางเต้านมทั้งหลาย ก็ควรจะระวังเช่นกัน
     
 ผลิตภัณฑ์ “นมเด้ง” ได้ผลจริงหรือ
 รศ.ดร.พิมลพรรณ บอกด้วยว่า ผลิตภัณฑ์นมเด้ง อย่างครีมนมเด้งซึ่งใช้ถูนวดนั้นไม่ต่างอะไรกับ “มอยเจอร์ไรเซอร์” ที่ช่วยให้ผิวแลดูชุ่มชื่นเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้นมเด้ง อย่างที่คาดหวังกันเอาไว้ หรือในกรณีการตบนมที่เคยเป็นข่าวก็ไม่ได้เกิดผลรวดเร็วดังใจ เพราะการตบนมเสมือนการออกำลังกายของเต้านมที่ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เหมือนเช่นการเดินมากๆ ที่ทำให้น่องโต เป็นต้น ส่วนไหนจุดไหนทำงานมากกล้ามเนื้อก็แข็งแรง กระชับ แต่ก็เสียงต่อการเกิดมะเร็ง เนื่องจากการตบนมจะไปกระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ๆ ที่อาจผิดปกติ
       
ส่วนของสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ที่รับประทานเข้าไป เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญมากมายต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย สามารถช่วยเหลือสตรีในวัยทองได้จริงแต่การใช้ครีมคงไม่มีผลอะไรมากนัก ที่พึ่งสุดท้ายจึงเป็นการทำศัลยกรรม ซึ่งต้องถามตัวเองก่อว่า เป็นสิ่งจำเป็นขนาดนั้นหรือไม่
เคล็ด 5 วิธีดูแลอกให้สวยนาน
     
1. บำรุงด้วยครีม ผิวรอบหน้าอกเป็นผิวที่บอบบาง เกิดความแห้งได้ง่าย เพื่อให้ผิวอกชุ่มชื้นนุ่มนวลอยู่เสมอ ควรบำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลเพื่อป้องกันริ้วรอยย่นยาน สร้างความชุ่มชื้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้แข็งแรง รวมทั้งต้องปกป้องจากแสงแดด แล้วอย่าลืมบริเวณหัวนมด้วยเช่นกัน จึงต้องบำรุงเป็นประจำด้วยครีมที่มอบความชุ่มชื้นสูงอย่างวาสลีนก็ได้
     
2. เสื้อชั้นในมีโครง การชะลอความหย่อนยานด้วยเสื้อชั้นในแบบมีโครงพยุง สามารถช่วยชะลอความหย่อนยานให้ช้าลงได้ เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ต่อมน้ำนมและคอลลาเจนจะหดตัวลงแล้วถูกแทนที่ด้วยไขมันมากมายเกิดการหย่อนคล้อยลง ดังนั้นไม่ว่าจะมีหน้าอกแบบไหน เล็กใหญ่ไม่สำคัญ แต่ควรสวมเสื้อชั้นในแบบมีโครงช่วยพยุงอกเอาไว้
     
3. ครีมกันแดด หน้าอกก็โดนแดดเผาได้เหมือนกัน หากจะเลือกออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ หากไปทะเลหรือต้องออกแดดจัดๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างน้อย ที่จะช่วยปกป้องจากรังสียูวีเอและบี ไม่เช่นนั้นหน้าอกจะถูกทำร้ายจากแสงแดดเต็มๆ จนก่อให้เกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ
       
4. ท่าทางการนอน ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางการนอนก็ส่งผลกับรูปร่างหน้าอก แต่การนอนคว่ำหน้าไม่ได้ทำให้หน้าอกเล็กลงแต่อย่างใด แต่การกดหน้าอกลงบนที่นอนเป็นประจำ จะทำให้หน้าอกผิดรูปผิดร่างไป ท่าการนอนที่ดีคือนอนตะแคง แล้วมีหมอนรองหน้าอกเพื่อช่วยพยุงไว้ขณะหลับ
     
5. ป้องกันสิว ผิวบนหน้าอกและร่องอกเต็มไปด้วยต่อมไขมัน และมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้ ยิ่งหน้าอกใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่เก็บกักเหงื่อเอาไว้ ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้ จึงควรทาแป้งบริเวณใต้และร่องอกเพื่อให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง และควรทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แล้วตามด้วยโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด โดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกาย อย่ากลับบ้านไปพร้อมกับบราที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะจะทำให้เกิดเป็นสิวที่หน้าอกได้

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

7 วิธีทำให้หน้าเด็ก

ใครๆ ก็อยากเป็นสาวผิวใส ไร้ริ้วรอย และความหมองคล้ำ แต่วัยที่มากขึ้นรวมทั้งมลภาวะรอบกาย อาจทำให้ผิวค่อยๆ เหี่ยว แบบไม่รู้ตัวได้ค่ะ มาเริ่มต้นดูแลผิว เพื่อรักษาความสดใสของผิวกันดีกว่าค่ะ

1. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ครีมกันแดด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากภัยแดดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นเสมือนการสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผิวหน้า ถ้าไม่ได้ไปเผชิญกับแดดแรงๆ เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็พอค่ะ และในช่วงกลางวันที่แดดจ้า หลบแดดได้จะเป็นวิธีปกป้องผิวที่ดีที่สุด หรือถ้าต้องไปรับไอแดดกันจริงๆ ควรสวมหมวกปีกกว้าง สวมแว่นกันแดด และใส่เสื้อผ้าโทนสีเข้ม เนื้อหนา ที่สามารถป้องกันการทะลุทะลวงของรังสี UV ทั้ง UVA ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวคล้ำและมีริ้วรอย และ UVB ที่ทำให้ผิวไหม้เกรียม

2. อย่ารบกวนผิวมากเกินไป
การรบกวนผิวมากไป ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวแต่อย่างใดการล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือขัดถูเช็ดผิวหน้าอย่างรุนแรงเพื่อให้มั่นใจ ว่าสะอาดเพียงพอ กลับเป็นการทำร้ายผิวแบบไม่รู้ตัว เพราะอาจทำให้ผิวมีริ้วรอยและหยาบกร้านได้โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้ง การล้างหน้าต้องทำอย่างนุ่มนวลเช็ดผิวอย่างเบามือ เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัยนอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่อ่อนโยนต่อผิวด้วย

3. เลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีส่วนผสมของ AHA
AHA หรือ Alpha hydroxy acid มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาริ้วรอยจากแสงแดดได้ด้วยซี่งปัจจุบัน เครื่องสำอางส่วนใหญ่ จะมีส่วนผสมของ AHAในปริมาณ 2-15 % ซึ่งมักไม่เป็นอันตรายกับผิว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรเลี่ยงที่จะไปตากแดดแรง ๆ เพราะการใช้ AHAจะทำให้ผิวหน้าไวต่อแดดมากขึ้นดังนั้นเพื่อป้องกันการแพ้ ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ

4. ลดริ้วรอยบางๆ ใต้ตาด้วยเรตินอล
เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยใต้ตา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความร่วงโรยของผิวได้ โดยเฉพาะผิวใต้ตา ซึ่งค่อนข้างบอบบาง
จึงเกิดริ้วรอยได้ง่าย หากทิ้งไว้ ก็กลายเป็นรอยตีนกาได้คงถึงเวลาที่คุณจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติลดเลือนริ้วรอยจางๆ ได้ดี นอกจากนี้เรตินอลยังช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน ทำใหผิวหน้าเต่งตึงขึ้นได้

5. อาหารต่อต้านริ้วรอย
ผู้เชี่ยวชาญท่านได้ศึกษาพบว่า อาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้,ผัก และไขมันต่ำ จะช่วยให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงพอที่จะต่อต้านสิ่งที่จะมาทำลายผิวให้อ่อนแอ จนเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยได้ ค่ะ โดยเฉพาะแสงแดดภัยตัวฉกาจของการทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของหญิงสาวค่ะชนิดของอาหารที่แนะนำให้รับประทานก็คือ อาหารที่มีไขมันต่ำลดการรับประทานเนื้อแดงและของหวานลง นอกจากนี้ก็ควรเพิ่มการรับประทานผักใบเขียว, ผลไม้, เมล็ดถั่วต่างๆ, น้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่างๆ ค่ะ ซึ่งอาหารดังกล่าวจะอุดมไปด้วยวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอและซี และอี จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้

6. เว้นอาหารที่ทำลายผิวพรรณ
- ไขมันอิ่มตัวในเบคอน ไส้กรอก ไอศกรีม และเนยสด กระบวนการเผาผลาญอาหารเหล่านี้ จะเกิดอนุมูลสารอิสระสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่น และเสื่อมโทรม 

- ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป มีผลขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนยาน 

- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คาเฟอีนจะดูดซับความชื้นจากผิว ถ้าคุณติดกาแฟจนยากที่จะเลิก เมื่อคุณดื่มกาแฟ 1 แก้ว ก็ควรดื่มน้ำเปล่าแก้วโตๆ ตามไป 1 แก้วเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ร่างกายขาดน้ำ และผิวพรรณขาดความชุ่มชื้นไปด้วย 

- เครื่องดื่มแอลกฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณ ขาดความเปล่งปลั่ง ถ้าคุณเป็นนักดื่ม ทุกครั้งที่ดื่มแอลกฮอล์ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าแก้วโต 2 แก้ว เพื่อชดเชยไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และช่วยป้องกันไมให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

7. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล
สาวบ้างานทั้งหลาย มีสิทธิ์ผิวหย่อนยาน ไม่สดใส ได้เร็วขึ้นเพราะการทำงานหนัก ชนิดอดหลับอดนอน หรือไม่มีเวลาสำหรับพักผ่อน นอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว ผิวพรรณก็หมองคล้ำ ทำให้คุณดูทั้งโทรมทั้งเหี่ยวเชียวล่ะ แม้อยากเป็นดาวรุ่งมากแค่ไหน ก็ควรจัดเวลางานและเวลาส่วนตัวให้สมดุลมีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งเรง ไม่หย่อนยานก่อนวัยหากปล่อยให้ความเครียดสุมหัว จนไม่มีเวลาคลายเครียด นานวันเข้า ผิวพรรณก็ร่วงโรย จนเกินเยียวยา เครื่องสำอางมหัศจรรย์ที่ว่าแน่ๆ ก็ไม่อาจจะช่วยฉุดรั้งความสดใส และความเปล่งปลั่งของผิวสาวกลับคืนมาได้หรอกค่ะ